จริง ๆ ว่าจะลงเรื่องนี้นานละ เพราะเคยหาข้อมูลไ้ว้ตั้งแต่คราวโน่นแน่ะ (ก็ ปีที่แล้วได้) ไหน ๆ ก็มีโอกาสละขอลงไว้เลยละกัน เป็นวิทยาทาน (อีกละ)
มีวันนึงเคยคุยกะเพื่อนที่อยู่เมืองนอกทาง m เรื่องคาสิโนออนไลน์ เนื่องจากเพื่อนเราคนนั้นมันก็ไปเล่นบ่อยช่วงนึง เลยถามว่าชอบเล่นเกมอะไร มันก็บอกว่า เป็นเกมที่เหมือนกับดูเขาเล่นไพ่ป๊อกกัน แล้วให้ทายผลว่าฝั่งไหนจะชนะ
โอ้ เกมแบบนี้มัน 50/50 เลยนิ โอกาสได้เสียก็ครึ่งต่อครึ่งเลยสินะ ก็เลยถามต่อ แล้วไม่กลัวเสียบ้างหรอวะ 50/50 ก็ตายได้นะ (1%ก็มีโอกาส) ซึ่งมัน(หรือเพื่อนมันไม่รู้จำไม่ได้) ก็เคยบอกทริคไว้ว่า "ถ้าเสียก็เบิ้ลไปสิ" เช่นตาแรกแทง 100 เสีย ต่อไปก็ 200 เสียอีกก็ 400 ถ้า 400 ได้ก็เริ่มใหม่ 100 คำนวนดูก็ 400 - (100+200) ได้กำไรเหนาะ ๆ เลยแหะ 100 ใน 3 เกม (ซึ่งถือว่าไวมาก) ฉะนั้นถ้ามันเสียไปเรื่อย ๆ แล้วถ้าได้มันก็จะยิ่งได้กำไรเยอะมากขึ้น อย่างงี้ถ้ามีทุน พกไปคาสิโนสักล้าน แล้วเริ่ม 100 แล้วทำตาม loop แบบนี้เรื่อย ๆ ก็นั่งได้ทั้งวันเลยอะเดะ เพื่อนเราก็ตอบประมาณนั้นแหละ
สาวชาวต่างชาติกำลังเสี่ยวดวงที่คาสิโนแห่งหนึ่งในมาเก๊าเมื่อปี 2007
วอชิงตัน โพสต์ - ในขณะที่ภรรยากำลังวางเงินพนันบนโต๊ะไพ่บาคาร่า จาง วัย 50 ปี คนงาน ซึ่งถูกนายจ้างลอยแพจากมณฑลเหอหนัน ก็จิบน้ำ ก่อนเล่าถึงเหตุผล ที่เขาและภรรยาเดินทางมายังมาเก๊า อดีตอาณานิคมโปรตุเกสบนชายฝั่งทางตอนใต้ของจีน
ณ สรวงสวรรค์การพนันแห่งเดียวบนแดนมังกร ที่ผีพนันเริงร่าได้ไม่ผิดกฎหมาย จางกับภรรยาผลาญเงินจำนวน 450 ดอลลาร์ ที่เก็บหอมรอมริบมาจนเกลี้ยง !
“เราไม่รวย ก็เลยนั่งรถไฟไปกวางโจวตอนแรก แล้วค่อยขึ้นรถโดยสารต่อไปจูไห่ ซึ่งมีเขตแดนติดกับมาเก๊า” จาง ซึ่งยอมบอกแต่ชื่อแซ่ สาธยายให้ฟัง
“เราพักในโรงแรม ราคาวันละแค่ 15 ดอลลาร์ ซื้ออาหารกินตามแผงลอย มื้อหนึ่งไม่เกิน 3 ดอลลาร์ แล้วก็ไม่ได้ซื้ออะไรที่นี่” เล่าต่อ พลางเพ่งมองไปยังโต๊ะพนันภายในบ่อนคาสิโนชั้นเลิศ นามว่า
เวนีเชียน คาสิโน มาเก๊า
อนิจจัง อนิจจา ! โต๊ะจำนวนครึ่งหนึ่งว่างเปล่าไร้ผู้คน
เมื่อ 4 ปีก่อน พวกนักเสี่ยงโชคคลั่งถึงขนาดพังประตู ฮือกันเข้ามาแย่งที่นั่งในบ่อนใหม่เอี่ยมที่สุดแห่งนี้ และเพิ่งเมื่อ 2 ปีที่แล้ว มาเก๊ากวาดรายได้จากบ่อนคาสิโนถึงปีละ 7,000 ล้านดอลลาร์ แซงหน้า
ลาสเวกัส สทริป ในฐานะแหล่งการพนันใหญ่ที่สุดในโลก
ด้านเจ้าหน้าที่รัฐพากันหวังว่า เงินกำไรบางส่วนเหล่านี้จะช่วยเนรมิตให้มาเก๊า อันมอซอ เหงาหงอย กว้างใหญ่ไม่ถึง 1 ใน 6 เท่าของกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. กลายเป็นแหล่งบันเทิงพักผ่อนหย่อนใจของครอบครัวและศูนย์การประชุมทันสมัย
ทว่ากาลเวลาล่วงไปไม่นาน ไยวันนี้ บรรยากาศในเมือง ที่เคยคึกคักไปด้วยนักพนันและนักท่องเที่ยวกลับซบเซาอย่างไม่น่าเชื่อ?
อารมณ์และสีสันของมาเก๊าเปลี่ยนไป หลังจากรัฐบาลจีน ซึ่งครั้งหนึ่งอ้าแขนต้อนรับบริษัทอเมริกันอย่าง เอ็มจีเอ็ม มิราจ,วินน์ รีสอร์ตส์ และลาสเวกัส แซนด์ส ได้วางกฎระเบียบเข้มงวดในการออกวีซ่า เพื่อชะลอการหลั่งไหลเข้ามาของนักท่องเที่ยวจากแผ่นดินใหญ่หลายล้านคน หลังจากปรากฏว่าคนเหล่านี้ รวมทั้งตัวนายจางเอง พากันขนเงินไปให้บริษัทต่างชาติ โดยที่มาคาสิโน เก๊าไม่ได้อะไรเลย
ผู้มาเที่ยวมาเก๊าจำนวนกว่าครึ่งหนึ่งมาจากแผ่นดินใหญ่ ซึ่งปัจจุบันได้รับอนุญาตจากทางการให้มาเที่ยวที่นี่ได้แค่ 3 เดือนหน การเดินทางเข้ามาจากฮ่องกง ซึ่งนั่งเรือโดยสารหนึ่งชั่วโมง ยังถูกกระทรวงพิทักษ์สันติราษฎร์ จำกัดเข้มงวดอีกด้วย นอกจากนั้น คนแผ่นดินใหญ่ ซึ่งเดินทางไปยังเมืองอื่นในเอเชีย และสามารถแวะพักที่มาเก๊าได้นาน 2 สัปดาห์ ขณะนี้พักได้เพียง 1 สัปดาห์
ธุรกิจบางราย กิจการทรุดลงครึ่งหนึ่ง ยอดนักท่องเที่ยว ที่มาตามลำพัง ลดลงเหลือ 470,049 คนในเดือนตุลาคม หรือร้อยละ 26 จากเดือนตุลาคมปีก่อน ตามข้อมูลของสำนักสถิติและการสำรวจสำมะโนประชากรของมาเก๊า
“ตั้งแต่เดือนสิงหาคมมา ลูกค้าของเราลดลงถึงครึ่งหนึ่ง” เอมิลี เฉิน ผู้จัดการบริษัทท่องเที่ยวเซเวน ซีส์ ของมาคาสิโน เก๊าระบุ
“เพราะบ่อนคาสิโนที่นี่ส่วนใหญ่อาศัยนักท่องเที่ยวจากแผ่นดินใหญ่ เม็ดเงินไหลออกจากจีนไปต่างประเทศไม่หยุด รัฐบาลเลยต้องการ
ฟังดูแบบนี้แล้ว วิเศษมาก หาเงินได้ง่าย ๆ เลย ปะ พวกเรา ไปเล่นไอ้เกมพรรค์นี้กันเหอะ นั่งเฝ้าคาสิโนไปเรื่อย ๆ ก็ได้ตัง (ถ้ามีทุนหน่อย) 555+